สนาม: Dahewang
บทนำ: ถึงประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการ ตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยาแล้ว แต่ทว่าสภาพอากาศบ้านเราดันไม่มีวี่แววว่าจะหนาวสักนิด ทำเอา ลุงตู่-พลอประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช) ถึงกับบ่นอุบ...
สนาม: จีน Chongyang Net
บทนำ: เมื่อวันอาทิตย์ยังคงมีความต่อเนื่องจากประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช) เรื่องกำหนดตำแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 พศ2561 ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 1 พย61 โดยแหล่งข่าวจาก ปปชเผยถึงกรณี พลตอวัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ปปชได้ให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการรวบรวมข้อเสนอแนะและข้อคิดเห็นจากฝ่ายต่างๆ กรณีข้อท้วงติงเรื่องดังกล่าวว่า ฝ่ายกฎหมายได้รวบรวมข้อมูลเกือบสมบูรณ์แล้ว โดยจะเสนอรายงานต่อที่ประชุม ปปชชุดใหญ่ในวันอังคารที่ 13 พยแน่นอน เพื่อพิจารณาประเด็นการขยายกรอบเวลาการบังคับใช้ ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 2 ธคนี้ออกไปก่อน ส่วนกรณีกรรมการสภามหาวิทยาลัยต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินโดยตำแหน่ง รวมไปถึงสมเด็จพระสังฆราชและพระเถระชั้นผู้ใหญ่รูปอื่นที่เป็นในมหาวิทยาลัยสงฆ์นั้น เจตนารมณ์ของประกาศ ปปชคือบังคับใช้กับฆราวาส ดังนั้นพระชั้นผู้ใหญ่ใช้กฎหมายแตกต่างกัน จึงเห็นควรให้ยกสถานะตามกฎหมาย พรบคณะสงฆ์ และ พรบมหาวิทยาลัยสงฆ์ ซึ่งต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับกฎหมายทั้งสองฉบับ โดย ปปชจะมีมติอย่างไรต้องรอวันอังคาร 13 พยนี้ให้ที่ประชุม ปปชชุดใหญ่ได้หารือและพิจารณาก่อน แหล่งข่าวระบุขณะเดียวกัน ดรมานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวว่า กรรมการสภามหาวิทยาลัยล้วนเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จ เก่งและเป็นคนดี แต่ก็ปรากฏข่าวสื่อมวลชนบ่อยครั้งว่ามีบางมหาวิทยาลัยที่ทุจริต เกื้อหนุนเกื้อกูลระหว่างผู้บริหารในมหาวิทยาลัยร่วมกับกรรมการสภามหาวิทยาลัย โดยเฉพาะตัวนายกสภามหาวิทยาลัยสร้างปัญหาให้ระบบการศึกษาและงบประมาณของประเทศอยู่ ซึ่งเป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นว่าการคอร์รัปชันเป็นปัญหาใหญ่ที่สร้างภาระให้คนไทยทุกคน ทำให้รัฐบาลนี้ต้องออกกฎหมายสร้างมาตรการมากมายมาควบคุม ส่งผลให้คนดีได้รับความเดือดร้อนไปด้วย ดรมานะกล่าวต่อว่า มีรายงานของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ) ระบุว่าปัญหาคอร์รัปชันมีผลกระทบต่อคุณภาพการศึกษาของไทย เริ่มตั้งแต่วิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง ผู้บริหารมหาวิทยาลัยอยากได้โครงการ สภามหาวิทยาลัยก็อนุมัติ พอสภามหาวิทยาลัยอยากได้งบประมาณหรือไปดูงานต่างประเทศ ผู้บริหารมหาวิทยาลัยก็อนุมัติเช่นกัน คือเรียกว่าผลัดกันเกาหลัง ประกาศของ ปปชชุดนี้จึงเป็นสิ่งที่ ปปชต้องทำ และ ปปชได้ทำอย่างถูกต้องเหมาะสมตามกฎหมายแล้ว ดังนั้นคงต้องมาพิจารณาถึงข้อกังวลของแต่ละคนว่าคืออะไร ที่ทำให้ไม่สามารถเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินได้ ปัจจุบันมีผู้ที่ต้องยื่นบัญชีอยู่แล้วเกือบ 40,000 คน ซึ่งประกาศ ปปชใหม่ทำให้มีผู้ต้องยื่นเพิ่มอีก 3,000 คน รวมถึงองค์การมหาชน รัฐวิสาหกิจ ซึ่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเป็นนักธุรกิจเอกชน พ่อค้า หรือนักวิชาการด้วย แต่กลับมีเสียงโต้แย้งเฉพาะกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ 81 มหาวิทยาลัยของรัฐ ประมาณ 500 ท่าน ดังนั้นจึงอยากให้ ปปชในฐานะเจ้าของกฎหมายและเจ้าของเรื่องทำงานเชิงรุก คือเดินสายไปชี้แจงและทำความเข้าใจกับผู้บริหารกรรมการสภามหาวิทยาลัยต่างๆ ว่าใครติดขัดไม่เข้าใจอะไร และทำความเข้าใจกัน อะไรที่คิดว่าเป็นเงื่อนไข เป็นวิธีการ หรือมีเอกสารที่ยุ่งยากเกินไป ปปชจะได้รับทราบและแก้ไขทันที เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ไทยเป็นสมาชิกอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นหลักการสากลที่สมาชิกพึงกระทำในเรื่องจริยธรรมของข้าราชการที่ต้องเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินเพื่อให้ตรวจสอบได้ ซึ่งในรัฐธรรมนูญและแผนการปฏิรูปประเทศด้านการต่อต้านคอร์รัปชันก็ระบุไว้ด้วย เพราะฉะนั้นในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พศ2561 จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่อยากให้ยกเลิกหรือแก้ไขกฎหมายดังกล่าว เพราะจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการแก้ปัญหาคอร์รัปชันของประเทศหวั่นทำปราบโกงเหลว ความพยายามต่อต้านคอร์รัปชันที่เรียกร้องความร่วมมือจากประชาชน ข้าราชการชั้นผู้น้อยที่ทำกันมาตลอดในช่วงหลายปีจะสูญเปล่า ประชาชนก็จะเริ่มคิดว่าชนชั้นสูง คนมีอำนาจ คนร่ำรวยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เมื่อออกกติกาแล้วพอถึงเวลาไม่ชอบก็ไม่ยอมทำ แล้วอย่างนี้จะไปร่วมมือต่อต้านคอร์รัปชันได้อย่างไร อันนี้เป็นสิ่งที่เรากลัว และสิ่งที่จะตามมาคือคนรุ่นใหม่ก็จะเลือกทำในสิ่งที่เขาคิด เลือกทำในสิ่งที่มีโอกาส ตรงนั้นเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก ดรมานะระบุ นางสาวสมลักษณ์ จัดกระบวนพล อดีต ปปชกล่าวถึงข้อเสนอให้ใช้มาตรา 44 แก้ไขประกาศ ปปชว่าไม่เห็นด้วยเลย เพราะเมื่อกฎหมายออกมาแล้วก็ต้องใช้บังคับ ถ้าไปแก้ไขก็จะทำให้กฎหมายไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ หากจะแก้ไขมันก็ควรต้องแก้ตั้งแต่ขั้นตอนการร่างในชั้นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช) แล้ว และประกาศ ปปชฉบับนี้ก็ไม่ได้ออกลอยๆ หรือคิดขึ้นเอง แต่ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ และ พรปว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตกำหนดไว้ ต้องให้ความเป็นธรรมต่อกรรมการปปชด้วย การแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ ปปชควรกำหนดวิธีการการยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินที่ง่ายและสะดวก สามารถกรอกแบบฟอร์มด้วยตัวเอง และไม่ควรใช้มาตรา 44 หรือยกเว้นบางตำแหน่งไม่ต้องยื่น เหมือนกรณียกเว้นคุณสมบัติขององค์กรอิสระที่บางองค์กรอยู่บางองค์กรพ้นไป นสสมลักษณ์กล่าว วันเดียวกัน นายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี พลอประวิตร วงษ์สุวรรณ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยช่วงเช้าระบุว่า ข้อกำหนดของ ปปชทำให้เห็นหลายอย่าง คือ 1ทำให้เห็นว่าบางบิ๊กเป็นนายกสภา และกรรมการสภามหาวิทยาลัยหลายแห่ง 2มีเครือญาติบริวารบิ๊กการเมืองเข้าไปเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยจำนวนมาก 3กรรมการสภามหาวิทยาลัยมีอำนาจมาก สามารถอนุมัติจัดซื้อจัดจ้างระดับร้อยล้านได้ มีอำนาจแต่งตั้งผู้บริหาร ซึ่งผู้บริหารก็อาจเกรงใจต้องคล้อยตาม ทั้งที่ควรต้องยื่นบัญชีนานแล้ว และ 4ทันทีที่ ปปชประกาศก็มีการเต้นเป็นเจ้าเข้า เพราะบางคนอาจถือครองทรัพย์สินของนักการเมืองระดับบิ๊กอยู่ก็ได้ แนะสบช่องล้างบางต่อมาในช่วงบ่ายนายไพศาลได้โพสต์ในหัวข้อ อย่ามั่ว คสชและ ครมไม่เกี่ยว ระบุว่า การยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินของกรรมการสภามหาวิทยาลัย กำลังเปิดความเน่าเฟะในระบบการจัดซื้อจัดจ้าง การแต่งตั้ง การบริหารงานบุคคลและผลประโยชน์เชิงงบประมาณที่หมักหมมมานานให้สังคมได้เห็น แต่ระวังอย่าลากเอา ปปชลงเหวไปด้วย และต้องเข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของ ปปช ซึ่งเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ครมหรือคนในคณะรัฐบาลไม่มีอำนาจไปก้าวก่ายแทรกแซง ปปชจะผิดถูกชั่วดีประการใดต้องรับผิดชอบเอง การที่โซเชียลมีเดียและสื่อบางสำนักพาดหัวว่า คสชและรัฐบาลให้เลื่อนการยื่นบัญชีทรัพย์สินนั้นไม่เป็นความจริง ครมและ คสชไม่ได้เกี่ยวข้องเรื่องนี้แต่ประการใด นายไพศาลโพสต์ต่อมาไม่ถึง 10 นาที นายไพศาลโพสต์อีกครั้งว่า รัฐบาลควรใช้โอกาสที่กรรมการสภามหาวิทยาลัยไม่ยอมยื่นบัญชีทรัพย์สินแล้วลาออกครั้งนี้ ปรับปรุงการแต่งตั้งกรรมการสภามหาวิทยาลัยให้เป็นผู้ที่ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษาที่แท้จริง ส่งเสริมให้คนดีได้มามีอำนาจ กวาดล้างนักการเมือง บริษัทบริวารและญาติโยมในครอบครัวออกไปให้หมด ก็จะเป็นผลดีต่อระบบการศึกษาของชาติในอนาคต และต้องไม่จำนนต่อการข่มขู่ใดๆ ในเรื่องนี้ ซึ่งจะเป็นแบบอย่างให้เกิดการข่มขู่และละเมิดกฎหมาย หรือทำตัวอยู่เหนือกฎหมายหรือไม่ยอมรับกฎหมายดังที่เป็นอยู่ แผ่นดินประเทศไทยก็จะสูงขึ้น ขณะเดียวกัน นพสุธีร์ รัตนะมงคลกุล อาจารย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ผู้ประสานงานศูนย์ประสานงานบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ (CHES) ซึ่งได้สร้างแคมเปญรณรงค์ใน changeorg เพื่อขอรายชื่อสนับสนุนการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินของฝ่ายบริหารและกรรมการสภามหาวิทยาลัยตั้งแต่วันที่ 9 พยนั้น ล่าสุดมีผู้ร่วมลงชื่อใกล้แตะ 1,500 คนแล้วด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยระบุว่า ในวันอังคารที่ 13 พยจะเดินทางไปยื่นคัดค้านการแก้ไขประกาศ ปปชเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กรรมการสภามหาวิทยาลัยไม่ต้องยื่นบัญชี
ลิงค์ที่เป็นมิตรเวลาปัจจุบัน:2021-03-04